SAT COURSES

เรียน SAT ที่ไหนดี

คอร์สเตรียมสอบ SAT เป็นคอร์สที่ช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับผู้เรียน หลักสูตรของเราจะเตรียมความพร้อมและแนะนำกลยุทธิ์พิชิตการทำข้อสอบเพื่อสร้างความคุ้นเคยในการสอบเวลาที่ลงสนามสอบจริงจะช่วยให้ผู้สอบสามารถทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

*Results may vary.

📢 Grand Premium Buffet 📢
เรียนแบบเหมาๆ ไม่จำกัดวิชา ภายใน 100 ชั่วโมง แบบตัวต่อตัว

🔥 ราคาพิเศษ 1xx,xxx บาท 🔥

✅ เลือกเรียนได้ทุกวิชา
✅ อาทิเช่น GED • SAT • IELTS • TOEFL iBT • TOEFL ITP • GRE และ GMAT เป็นต้น
✅ เลือกวันและเวลาที่สะดวกเรียนเองได้
✅ จะเรียนแบบ Onsite, Online หรือ Hybrid ก็แจ้งได้
✅ แบบฝึกหัดไม่จำกัด
✅ ปรึกษาเรื่องเรียนได้ตลอด

📌 พิเศษไปกว่านั้น ถ้าเรียนไม่หมด 100 ชั่วโมง สามารถโอนสิทธิให้ญาติหรือพี่น้องได้ 1 ครั้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
📲 02-2558889 or 084-6621414

📢 พิเศษ! คลาสทดลองเรียน 2 ชั่วโมง 🎓

📌 Online
📌 Onsite
📌 Hybrid

👉 คอร์ส SAT สามารถเลือกวิชาเรียนได้ (2 ชม.)

🔥 ราคาเพียง 2,190 บาท 🔥
(ลดจากราคาปกติ 3,000 บาท)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
📲 02-2558889 or 084-6621414
PRIVATE COURSES
SAT
(ราคาปกติ ชั่วโมงละ 1,500 บาท ราคาคู่ 1,700 บาท)
Course Total Hours Price Promotion Price
SAT Private Course 40 60,000 53,000
60 90,000 73,000
100 150,000 100,000
SAT Private Course (Duo) 40 68,000 65,000
60 102,000 85,000
100 170,000 120,000
พาราไดม์ได้ออกแบบคอร์สเตรียมสอบ SAT
โดยมุ่งเน้นให้ผู้สอบสามารถทำข้อสอบให้ได้คะแนนตามที่ต้องการ ดังนี้
คอร์สเรียน SAT Private Courses

คอร์สตัวต่อตัวที่พาราไดม์ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เรียนได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ได้ในการสอบจริงหรือแม้แต่นำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน คอร์สตัวต่อตัวนักเรียนสามารถจัดเวลาได้ตามความเหมาะสม

  • เรียนตามทักษะความสามารถของนักเรียน: เพราะมีเพียงแค่นักเรียนและอาจารย์ผู้มากประสบการณ์จากพาราไดม์เท่านั้น คำแนะนำและการเรียนการสอนจึงเป็นไปตามความเร็วในการเรียนรู้ของตัวนักเรียนเอง ซึงอาจารย์ผู้สอนจะเป็นผู้ประเมิณระดับของนักเรียน รวมไปถึงความสามารถในการรับข้อมูลระหว่างการเรียนการสอน ซึ่งตัวนักเรียนสามารถถามคำถามอาจารย์ได้ตลอดเวลา หรือแม้แต่จะใช้เวลาให้มากขึ้นในส่วนที่อ่อนและรู้สึกว่ายาก นอกจากนั้นยังสามารถเร่งความเร็วในการเรียนการสอนหากรู้สึกว่าช้าไปได้อีกด้วย
  • เรียนในเวลาที่นักเรียนสะดวก: เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่มีเวลาว่างไม่ตรงกันขึ้นอยู่กับตารางเรียนหรือตารางงานที่ทำอยู่ การเรียนตัวต่อตัวจึงช่วยเอื้อประโยชน์ให้นักเรียนจัดตารางเรียนตามช่วงเวลาของตัวเองได้ แต่การเลื่อนหรือเปลี่ยนตารางเวลาจะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนเวลาเรียนจริง 24 ชั่วโมงเท่านั้น
  • สิ่งสำคัญคือนักเรียน: การเรียนตัวต่อตัวนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือตัวนักเรียนเอง เพราะไม่มีนักเรียนคนอื่นๆมาให้อาจารย์ต้องให้ความสนใจอย่างทั่วถึง อาจารย์จึงสามารถให้ความรู้และเทคนิคกับนักเรียนได้เต็ม 100% ซึ่งจะทำให้การเรียนการสอนเป็นไปด้วยความสนุกสนานและมีประสิทธิภาพ การเรียนการสอนจะตรงตามที่นักเรียนต้องการ

SAT Private Courses
One: One Private Tutoring at Paradigm provides the ultimate in effective instruction and convenience.

  • At Your Pace: With only you and an expert Paradigm tutor, instruction goes according to your personal speed. Your tutor will adjust the pace to your level and ability, and you can always feel free to ask questions, spend more time on a difficult area, or speed up if things are feeling slow.
  • On Your Time: Ideal for students with busy schedules, One: One Sessions can be scheduled to fit your busy life. Sessions can also be rescheduled if Paradigm is contacted 24 hours or more in advance.
  • All about You: Most importantly, One: One is all about you. With no other students to focus on, your tutor can give you 100% attention, making the learning process more fun and effective. Your studies will be specifically tailored to your needs.
คอร์สเรียน SAT Math Course

SAT Math Course

SAT Math 3 Levels (90 hours)

  • Pre-Sessional 30 hours
  • Intermediate 30 hours (score 500-650)
  • Advanced 30 hours (score 650-800)

SAT Math Course สอนโดยอาจาร์ยผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถพานักเรียนทำคะแนนได้แบบ Full Marks (คะแนน 800 เต็ม)
เนื่องจากทางสถาบันพาราไดม์ได้ทำการออกแบบและจัดหลักสูตรเจาะลึกเน้นเฉพาะเนื้อหาเกี่ยวกับ SAT โดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น Geometry, Algebra and Functions, Problem Solving และ Data Analysis เป็นต้น

SAT คืออะไร?

SAT จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1. SAT I  เรียก Reasoning TEST คะแนนเต็ม 1600
มีสอบทั้งหมด 2 Part คือ

Part 1 : MATH
คะแนนเต็ม 800 ทดสอบเกี่ยวกับความรู้ Arithmetic, Algebra และ Geometry Trigonometry และ Advanced Algebra
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

  • Calculator : สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ มีทั้งหมด 38 ข้อ มีทั้ง Multiple Choice และ Grid-in
  • No Calculator : ห้ามใช้เครื่องคิดเลข 20 ข้อ มีทั้ง Mutiple Choice และ Grid-in

Part 2 : VERBAL
คะแนนเต็ม 800 เช่นกันทดสอบเกี่ยวกับการอ่านบทความภาษอังกฤษการแปล บทความ Evidence-Based Reading and Writing คะแนนเต็ม 800 แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

  • Critical Reading Part : คะแนนเต็ม 400 คะแนน สอบแบบ Reading Comprehension เป็นข้อสอบให้เราอ่าน Passage ละตอบคำถามจากโจทย์ที่ให้มา
  • Writing Part : คะแนนเต็ม 400 คะแนน ข้อสอบการเขียนจะแตกต่างจาก พาร์ทเขียนทั่วไปเพราะจะสอบแบบ Improving Sentence and Improving Paragraph คือข้อสอบจะมีโจทย์มาให้ แต่โจทย์ที่ให้มาต้องมาทำการแก้อีกเพราะเขาจะให้ Paragraph ที่ถูกแก้แกรมม่าและโครงสร้างมาแล้ว หน้าที่ของเราคือ แก้โจทย์ตัวนั้นให้ถูกต้อง

2. SAT II  หรือเราเรียกว่า Subject Test 
Subject Test ตัวนี้จะสอบเป็นรายวิชาซึ่งบางมหาลัยในต่างประเทศ ใช้ยืนคู่กับ SAT Iและที่สำคัญ ในการสอบ 1 ครั้งสามารถสอบได้สูงสุดสามวิชา

  • Physics
  • Chemistry
  • Biology
NEW SAT

NEW SAT  เป็นข้อสอบจาก USA  ย่อมาจาก Scholastic Aptitude Test หลายมหาลัยที่ต่างประเทศใช้ข้อสอบ SAT เป็นเกณฑ์รับเด็กเข้า University ต่างประเทศ เช่น Oxford, Cambridge, University of Pensivenia, Dorthmouth, University of Chicaco

หากน้องๆต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ต้องใช้คะแนนพวกนี้ในการสมัครด้วย

แต่ปัจจุบันมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยนำข้อสอบ SAT มาเป็นเกณฑ์เพื่อวัดระดับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ
International Program เช่น Chulalongkorn University, Thammasat University, Mahidol University International
College.

คณะส่วนใหญ่ที่รับ คือ BBA, EBA, COMM ARTS, BE, JIPP, ISE, BSAC, MD and DENT

ประเทศไทยในปัจจุบันรอบสอบจะมี 4 รอบด้วยกันในหนึ่งปี คือ

  • March
  • May
  • October
  • December
MATH

คะแนนเต็ม 800 แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

  • Calculator : สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ มีทั้งหมด 38 ข้อ มีทั้ง Multiple Choice และ Grid-in
  • No Calculator : ห้ามใช้เครื่องคิดเลข 20 ข้อ มีทั้ง Multiple Choice และ Grid-in
การสอบ Digital SAT จะเริ่มในวันที่ 11 มีนาคม 2566

SAT เป็นข้อสอบมาตรฐานที่ใช้วัดทักษะและการใช้เหตุผล เพื่อใช้คะแนนยื่นเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทั่วโลก

Digital SAT

ข้อสอบ Digital SAT ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. Reading and Writing
ข้อสอบการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ มีคำถามทั้งหมด 54 ข้อ แบ่งเป็น 2 โมดูล ให้เวลาทำโมดูลละ 32 นาที รวมเวลาทำข้อสอบ 64 นาที

2. Math
ข้อสอบคณิตศาสตร์ มีคำถามทั้งหมด 44 ข้อ แบ่งเป็น 2 โมดูล ให้เวลาทำโมดูลละ 35 นาที รวมเวลาทำข้อสอบ 70 นาที
โมดูลแรกของแต่ละส่วนประกอบด้วยคำถามที่ง่าย ปานกลาง และยากผสมกันขึ้นอยู่กับวิธีที่นักเรียนทำในโมดูลแรก คำถามในโมดูลที่สองจะยากขึ้นหรือยากน้อยลง

เวลาทำข้อสอบรวมทั้ง 2 ส่วน คือ 2 ชั่วโมง 14 นาทีและมีเวลาพัก 10 นาทีระหว่างส่วนการอ่านและการเขียนกับส่วนคณิตศาสตร์

SAT แบบปกติ VS Digital SAT 
ความเหมือน ความต่าง
  • วัดทักษะที่จำเป็นของนักเรียนในการเข้ามหาวิทยาลัย
  • คะแนนเต็ม 1,600 คะแนน
  • ผู้สอบต้องไปสอบที่ศูนย์สอบ
  • มีแบบฝึกหัดให้สำหรับทุกคน
  • สอบผ่าน Laptop หรือ Tablet
  • ระยะเวลาการสอบที่สั้นลง
  • บทความของข้อสอบ SAT สั้นลง
  • ผลสอบออกเร็วขึ้น
  • SAT Math ใช้เครื่องคิดเลขได้ทุกพาร์ท

 

ความเหมือนของ Digital SAT และ SAT แบบปกติ

1.วัดทักษะที่จำเป็นของนักเรียนในการเข้ามหาวิทยาลัย
ไม่ว่าจะเป็นการสอบ SAT แบบเดิมหรือ Digital SAT ยังคงเป็นการวัดความรู้ ทักษะและการใช้เหตุผลที่จำเป็นเพื่อใช้ยื่นศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติในประเทศไทยหรือยื่นเข้าศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งข้อสอบยังคงประกอบด้วย Evidence-Based Reading and Writing และ Mathematics เหมือนเดิม

2. คะแนนเต็ม 1,600 คะแนน
คะแนนเต็มรวมของ Digital SAT ยังคงอยู่ที่ 1,600 คะแนนเหมือนเดิม ซึ่งจะแบ่งเป็น Evidence-Based Reading and Writing 800 คะแนน และ Mathematics 800 คะแนน

3. ผู้สอบต้องไปสอบที่ศูนย์สอบ
ถึงแม้ว่าการสอบ Digital SAT จะเป็นการสอบแบบคอมพิวเตอร์แต่ผู้สอบก็ยังคงต้องไปสอบที่ศูนย์สอบหรือสอบที่โรงเรียนเหมือนเดิม ไม่สามารถสอบที่บ้านได้

4. มีแบบฝึกหัดให้สำหรับทุกคน
Digital SAT ยังคงมีแบบฝึกหัดฟรีสำหรับนักเรียนทุกคนเหมือนเดิม ซึ่งน้องๆสามารถทำแบบฝึกหัดแบบเต็มได้ในแอปพลิเคชัน Digital Testing


Digital SAT เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร

ทาง College board ไม่เพียงแค่วาง SAT ปัจจุบันไว้บนแพลตฟอร์มดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังใช้ประโยชน์ในการประเมินแบบดิจิทัลอีกด้วย ทำให้ Digital SAT มีความง่าย สะดวก และแม่นยำต่อผู้ใช้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมมีดังนี้

1. สอบผ่าน Laptop หรือ Tablet
ความสะดวกของการสอบ Digital SAT อย่างแรกเลยก็คือผู้สอบสามารถทำข้อสอบผ่าน Laptop หรือ Tablet ที่เป็นอุปกรณ์ส่วนตัวได้เลย ซึ่งเข้ากับยุคสมัย Paperless ในปัจจุบัน คือ การไม่ใช้แบบกระดาษอีกต่อไปนั่นเอง แต่สำหรับคนที่ไม่มีอุปกรณ์ไม่ต้องกังวลไป เพราะทางศูนย์สอบจะมีการเตรียมอุปกรณ์ให้ผู้สอบเช่นกัน

2. ระยะเวลาการสอบที่สั้นลง
น้องๆจะได้ประสบการณ์ใหม่ในเรื่องของเวลาการสอบที่สั้นลงจาก Digital SAT เพราะระยะเวลาการสอบจาก 3 ชั่วโมงในแบบปกติจะเปลี่ยนเป็นเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น

3. บทความของข้อสอบ SAT สั้นลง
อีกหนึ่งข้อดีของการสอบ Digital SAT เลยก็คือในพาร์ทของ Reading บทความจะสั้นลง โดยจะเป็นหนึ่งคำถามต่อหนึ่งบทความ ทำให้เป็นโอกาสของน้องๆที่จะใช้เวลาในการอ่านลดลงและสามารถทำคะแนนได้ดีมากยิ่งขึ้น

4. ผลสอบออกเร็วขึ้น
ที่สำคัญเลยของ Digital SAT นั้นก็คือน้องๆจะได้ผลสอบที่เร็วขึ้นกว่าเดิม ด้วยการประเมินที่เร็วและแม่นยำของ Digital SAT โดยผลสอบจะได้ภายในไม่ถึงอาทิตย์ ทำให้น้องๆสามารถใช้ผลสอบในการยื่นมหาวิทยาลัยได้เร็วมากขึ้นนั่นเอง

5. SAT Math ใช้เครื่องคิดเลขได้ทุกพาร์ท
Digital SAT ในส่วนของคณิตศาสตร์ น้องๆสามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ทั้งหมด โดยเครื่องคิดเลขกราฟจะถูกสร้างขึ้นในแอปพลิเคชันทดสอบหรือหากใครไม่ถนัดก็สามารถนำเครื่องคิดเลขส่วนตัวมาเองได้


Features ใหม่ของการสอบ SAT Digital

1.SAT Verbal อ่านง่ายขึ้น
ข้อสอบ SAT Verbal จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดย Passage จะอยู่ฝั่งซ้ายและคำถามจะอยู่ฝั่งขวา ทำให้น้องๆอ่านง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีตัวช่วยมากมายที่จะทำให้ง่ายต่อการสอบมากขึ้น ดังนี้

  • Highlight Evidence : สำหรับข้อสอบที่ถามหา Evidence จากใน Passage ข้อสอบจะทำการ Highlight Evidence ใน Passage มาให้เลย น้องๆไม่ต้องมานั่งขีดเส้นใต้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
  • Notepad : เหมาะสำหรับคนที่ถนัดพิมพ์ เพราะในข้อสอบจะมี Notepad ไว้ให้สำหรับให้จดโน๊ตต่างๆระหว่างการสอบ แต่ใครที่ถนัดจดมากกว่าทางศูนย์สอบก็ยังคงมีกระดาษทดไว้ให้เช่นกัน
  • Line Focus : การอ่าน Passage ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะบางครั้งมันทำให้เราตาลาย ซึ่ง Digital SAT มีฟีเจอร์ Line Focus มาให้ ทำให้น้องๆสามารถกดใช้เพื่อเน้นอ่านแต่ละบรรทัดได้เลย ไม่ตาลายเหมือนเมื่อก่อนแน่นอน
  • Strikethrough : ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์มากและได้ใช้แน่นอนเพราะเป็นตัวช่วยในการตัด Choices ออกนั่นเอง ถ้าคิดว่า Choices ไหนไม่ใช่คำตอบ น้องๆสามารถกดได้เลยซึ่งโปรแกรมก็จะขีดฆ่าทิ้งให้เราทันที ทำให้สามารถ Focus กับข้อที่ถูกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

2. SAT Math ข้อสอบคล้ายเดิม เพิ่มเติมคือไม่ต้องพกเครื่องคิดเลขเข้าสอบ
Digital SAT มีฟีเจอร์ Calculator มาให้พร้อม ซึ่งสามารถใช้ในโปรแกรมได้เลยและสามารถ Plot Graph ได้ด้วย มากไปกว่านั้นน้องๆยังสามารถกดดูสูตรพื้นฐานได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องพลิกไปหน้าแรกเหมือนการสอบแบบ Paper-based

3. สัญลักษณ์แจ้งเตือนข้อที่ยังไม่ได้ทำ
ข้อไหนที่เรายังไม่ได้ทำ จะมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงขึ้นมาที่ข้อนั้น ทำให้เราเห็นชัดเจนว่าเรายังไม่ได้ตอบ ซึ่งเป็นการเตือนให้เราอย่าลืมกลับไปทำข้อนั้นเพื่อที่จะไม่ต้องเสียคะแนนไปอย่างน่าเสียดาย

4. ฟีเจอร์ Clock คอยเตือนเวลา
Digital SAT จะมีนาฬิกาคอยนับถอยหลังเวลาที่เหลืออยู่ในแต่ละ Part ทำให้น้องๆสามารถบริหารจัดการเวลาในการทำข้อสอบในแต่ละพาร์ทได้ดีมากยิ่งขึ้น และจะมีการเตือน 5 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาให้อีกด้วย ข้อไหนที่ข้ามผ่าน ยังไม่ได้ทำ น้องๆจะมีเวลารีบกลับไปใส่คำตอบให้ครบทุกข้อนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าการสอบ Digital SAT ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มีการปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน และมีฟังก์ชันช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้สอบมากขึ้นในการทำข้อสอบ น้องๆคนไหนที่พร้อมเข้าสู่ Digital SAT แล้ว เตรียมหาที่ติวสอบเพื่อให้คะแนนสอบ SAT พุ่งได้เลย


ค่าใช้จ่ายในการสอบ SAT

นักเรียนที่สอบในประเทศไทยมีค่าธรรมเนียมการสอบ 60 ดอลล่าร์สหรัฐ และค่าธรรมเนียมภูมิภาคอีก 43 ดอลล่าร์ รวมค่าสอบ 103 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,500 บาท

Checklist ก่อนวันสอบ

เช็คลิสต์ก่อนถึงวันสอบ นักเรียนจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการสอบ ข้อปฏิบัติทางด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย และสิ่งที่ต้องนำไปในวันสอบ

Bluebook Application

นักเรียนต้องติดตั้ง Bluebook ก่อนวันทดสอบ รองรับทั้ง iPads, Mac และ Windows การดาวน์โหลดต้องใช้ Windows 10 หรือใหม่กว่าและพื้นที่ว่างในดิสก์ 250 MB


Digital SAT ID Requirements

นอกจาก Admission Ticket ที่จะต้องนำไปแล้ว นักเรียนต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือพาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุ โดยชื่อจะต้องตรงกัน เพื่อระบุตัวตน

เครื่องคิดเลข

นักเรียนสามารถนำเครื่องคิดเลขส่วนตัวมาใช้ได้หรือเลือกใช้เครื่องคิดเลขที่ติดตั้งในระบบไว้แล้ว ให้เช็คเครื่องคิดเลขรุ่นไหนที่ใช้ได้ และกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตาม

อุปกรณ์ที่ห้ามนำเข้าห้องสอบ

ตรวจดูรายการอุปกรณ์ที่ห้ามนำเข้าห้องสอบ ห้ามใช้ ห้ามเปิดโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืน จะถูกยึดอุปรกณ์เพื่อตรวจสอบ และคะแนนสอบอาจเป็นโมฆะได้


เตรียมความพร้อมก่อนสอบ SAT

SAT เข้าสู่ Digital World อย่างเต็มตัว เปลี่ยนจากการสอบผ่านกระดาษเป็นผ่านระบบ Digital โดยการสอบรูปแบบใหม่นี้จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2566 เป็นต้นไป ซึ่งการสอบรูปแบบนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โดยคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้ผู้สอบมากขึ้น และแน่นอนเรื่องการวัดผลที่ยังคงเป็นมาตรฐาน สามารถประเมินความรู้ของผู้สอบแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน น้องๆสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของการสอบ SAT แบบเดิม และ Digital SAT ได้ที่ Digital SAT คืออะไร

ในวันนี้ทาง Paradigm อยากจะแนะแนวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องรู้ก่อนสอบ สิ่งที่คาดว่าจะต้องเจอในวันสอบ และแนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนสอบ Digital SAT ให้น้องๆเตรียมพร้อมล่วงหน้า จะมีรายละเอียดอะไรบ้างมาลองดูกันเลย


อุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับสอบ Digital SAT

อย่างที่ทราบว่าการสอบได้เปลี่ยนมาเป็นแบบ Digital นั่นหมายถึงต้องมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการเข้าสอบแทนกระดาษ ซึ่งอุปกรณ์ที่สามารถใช้เข้าสอบได้จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • Laptop หรือ Tablet พร้อมระบบปฏิบัติการ Window เวอร์ชัน 10 ขึ้นไป โดยมีพื้นที่ว่างอย่างน้อย 250 MB
  • Macbook พร้อมระบบปฏิบัติการ macOS เวอร์ชัน 11.4 ขึ้นไป โดยที่มีพื้นที่ว่างอย่างน้อย 150 MB
  • iPad พร้อมระบบปฏิบัติการ iPadOS 13.4 ขึ้นไป โดยที่มีที่ว่างอย่างน้อย 150 MB

อุปกรณ์ข้างต้นน้องๆสามารถใช้เครื่องส่วนตัวของตัวเองได้เลย เพียงแต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นเวอร์ชันที่กำหนด ส่วนใครที่ไม่มีอุปกรณ์เป็นของตัวเองและไม่สามารถยืมจากใครได้ ไม่ต้องกังวลเพราะสามารถทำเรื่องขอยืมจากศูนย์ College Board ได้ แต่ต้องยื่นคำร้องก่อนถึงวันสอบ 30 วัน ซึ่งสามารถทำได้หลังจากลงทะเบียนและเลือกวันสอบเรียบร้อยแล้ว เมื่อคำขอได้รับการอนุมัติ อุปกรณ์จะถูกเตรียมให้ผู้สอบที่สนามสอบ โดยที่ผู้สอบจะต้องไปถึงสนามสอบก่อน 30 นาที เพื่อทำการเข้าระบบ


ทำความรู้จักกับ Bluebook แอปพลิเคชันสำคัญในการสอบ Digital SAT

นอกเหนือจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราต้องเตรียมล่วงหน้าแล้ว การสอบ Digital SAT มีโปรแกรมเฉพาะที่ใช้สำหรับการสอบรูปแบบใหม่ผ่านทางแอปพลิเคชันที่เรียกว่า ‘BlueBook’ โดยก่อนเข้าสอบประมาณ 1-5 วัน ผู้สอบจะต้องเตรียมดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฯ Bluebook ลงบนอุปกรณ์ที่เราเลือกใช้ในวันสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเวอร์ชันล่าสุดและอุปกรณ์ของเรารองรับแอปฯ นี้ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bluebook : https://bluebook.app.collegeboard.org/

วิธีการดาวน์โหลดและติดตั้ง Bluebook Application
✅ ค้นหาการดาวน์โหลดของคุณ
เปิดโพลเดอร์ Download ของคุณและดับเบิลคลิกที่ Bluebook Setup 0.9.000.exe เพื่อ Install
✅ เปิดแอพฯ
ดับเบิ้ลคลิกทางลัด (ไอคอนรูปดาว) จากเดสก์ท็อปเพื่อเปิดแอพ
✅ ยืนยัน
หากคุณเห็นข้อความถามว่า แน่ใจหรือไม่ว่าต้องการเปิดแอพให้คลิกเปิด
✅ เข้าสู่ระบบ
เมื่อแอพเปิดขึ้นให้เข้าสู่ระบบ
✅ สำเร็จ!
ติดตั้งแอพบนอุปกรณ์ของคุณสำเร็จแล้ว

หลังจากที่ผู้เข้าสอบติดตั้งแอปฯ Bluebook ลงในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบ Digital SAT แล้ว ให้น้องๆเตรียมบัตรเข้าสอบ หรือที่เรียกว่า Admission Ticket โดยสามารถถ่ายรูปเก็บไว้ พิมพ์ หรือส่งอีเมลก็ได้ เมื่อได้บัตรเข้าสอบแล้ว ให้ตรวจสอบวัน เวลา และสถานที่สอบให้แน่ใจอีกครั้ง

ก่อนวันสอบน้องๆสามารถเข้าไปฝึกใช้งานแอปฯ Bluebook ให้คล่องก่อนวันสอบจริงได้ โดยการฝึกสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท

1. ตัวอย่างข้อสอบ หรือ Test Preview
จะเป็นตัวอย่างคำถามที่จะช่วยให้ผู้เข้าสอบได้ลองใช้เครื่องมือต่างๆบนระบบของการสอบ แต่จะไม่ได้รับการประเมินคะแนนหรือเฉลยข้อสอบแต่อย่างใด โดยการทำตัวอย่างข้อสอบนี้จะไม่ได้มีการจับเวลาแบบข้อสอบจริง

2. แบบฝึกหัดฉบับเต็ม
แบบฝึกหัดนี้จะเป็นแบบฝึกหัดข้อสอบ Digital SAT ฉบับเต็ม โดยจะมีทั้งการจับเวลา และการให้คะแนนเหมือนข้อสอบจริง โดยผู้เข้าสอบสามารถเข้าไปดูคะแนนย้อนหลังได้
เนื่องจากการสอบ Digital SAT เป็นเรื่องใหม่ การทำความเข้าใจ และความคุ้นชินกับระบบการสอบจึงเป็นเรื่องสำคัญ เราขอแนะนำให้ผู้เข้าสอบทุกคน ฝึกการใช้แอปฯ Bluebook ให้คุ้นชินก่อนวันสอบจริง เพื่อลดความกังวล และข้อขัดข้องทางเทคนิคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในวันสอบจริงได้

สิ่งที่ต้องเจอในวันสอบ Digital SAT

เมื่อเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเรียบร้อยแล้ว มาดูลิสต์ภาพรวมโดยสรุปในวันสอบจริงกับสิ่งที่คาดว่าน้องๆจะต้องเจอ เพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไปให้พร้อม

  • การสอบที่ต้องใช้อุปกรณ์ ประมาณ 3 ชั่วโมง ดังนั้นให้ผู้สอบเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และนำสายชาร์จติดไปด้วย
  • เอกสารที่ต้องใช้ในการเข้าสอบ คือ บัตรสอบ บัตรประชาชนพร้อมรูปยืนยันตัวตน
  • เครื่องเขียนสามารถนำดินสอและปากกาเข้าห้องสอบได้ โดยกระดาษทดทางศูนย์สอบจะเป็นผู้ที่เตรียมไว้ให้
  • ประตูห้องสอบเปิดเวลา 7:45 น.
  • เริ่มสอบเวลาประมาณ​ 8:15 – 8:45 น. โดยผู้คุ้มสอบจะเป็นคนให้รหัสการเข้าสู่ระบบการสอบ เพื่อเริ่มทำข้อสอบ
  • ผู้เข้าสอบต้องใช้ไวไฟของศูนย์สอบเท่านั้น และเปิดโปรแกรม Bluebook เพื่อใช้ในการสอบ
  • การสอบจะแบ่งออกเป็น 2 วิชา นั่นก็คือ Reading and Writing และ Math โดยแต่ละวิชาจะมีทั้งหมด 2 ส่วน ที่จะจับเวลาการทำข้อสอบแยกกัน โดยข้อสอบทั้งสองวิชารวมกันจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาพัก
  • จะมีเวลาพักระหว่างวิชาให้ผู้เข้าสอบ 10 นาที โดยระหว่างพักผู้เข้าสอบไม่ต้องปิดอุปกรณ์การสอบ
  • จะมีเครื่องมือช่วยเหลือในการทำข้อสอบอยู่ในโปรแกรม Bluebook
    ✅ สูตรคณิตศาสตร์ต่างๆและเครื่องคิดเลข
    ✅ เครื่องมือ Highlight ข้อความ
    ✅ เครื่องมีการตัดตัวเลือกคำตอบที่คิดว่าไม่ใช่
    ✅ ช่องใส่โน้ตส่วนตัว
    ✅ ทำเครื่องหมายในข้อที่ต้องการกลับมาดูภายหลัง
  • ผู้เข้าสอบสามารถนำเครื่องคิดเลขเข้าห้องสอบได้ โดยสามารถดูรุ่นที่ได้รับอนุญาตได้ที่นี่ คลิก
  • คำตอบจะถูกส่งอัตโนมัติ เมื่อผู้เข้าสอบทำข้อสอบเสร็จเรียบร้อย

เมื่อรู้ว่าในวันสอบ Digital SAT ต้องเจอกับอะไรบ้าง น้องๆก็สามารถเตรียมตัวเองให้พร้อม เพื่อที่จะได้ไม่กังวลมากเกินไปจนกระทบกับการทำข้อสอบ สิ่งสำคัญของการสอบ Digital SAT นอกจากจะเตรียมตัวเรื่องความรู้ต่างๆเพื่อเข้ารับการทดสอบ เรื่องการใช้โปรแกรมระบบการสอบให้คุ้นชินก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ ควรฝึกให้สามารถใช้เครื่องมือต่างๆให้เป็นประโยชน์กับตัวเองและการทำข้อสอบมากที่สุด หวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากน้องๆจะเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวสอบ Digital SAT ในปีหน้ากัน

หากต้องการเรียน ทางสถาบันพาราไดม์เปิดให้คำปรึกษาและวัดระดับคณิตศาสตร์ได้ทุกวัน หรือหากต้องการจองสอบวัดระดับติดต่อได้ที่ LINE@ : @paradigm.edu